บ้านป่องนัก หรือชื่อที่เรียกเป็นทางการว่า พลับพลาที่ประทับแรมโรงทหารนครลำปาง เป็นบ้านที่มีอายุเก่าแก่ถึง 99 ปี ในปี พ.ศ. 2567 ตั้งอยู่ในค่ายสุรศักดิ์มนตรี จังหวัดลำปาง ลักษณะอาคารเป็นสถาปัตยกรรมยุโรปแบบคลาสสิคสมัยกรีก ราวศตวรรตที่ 13 ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแบบไทย ตัวบ้านเป็นอาคารไม้สัก 2 ชั้นยกพื้นเตี้ย มีหน้ามุขแบบ 5 เหลี่ยม จำนวน 5 มุข หลังคาทรงปิรามิด สิ่งที่โดดเด่นสะดุดตามากก็คือ หน้าต่างของบ้านทั้งด้านบนและด้านล่างของบ้านที่มีลักษณะเป็นหน้าต่างบานเกล็ดไม้อยู่รายล้อมรอบบ้าน 250 บาน รวมช่องหน้าต่างถึง 469 ช่อง
ความเป็นมาของ “บ้านป่องนัก”
ในปี พ.ศ. 2445 พวกเงี้ยวในมณฑลพายัพได้ก่อการกบฏขึ้นที่เมืองแพร่เป็นแห่งแรก หัวหน้าเงี้ยวชื่อ พะกาหม่อง ร่วมกับพระยาพิริยพิชัย เจ้าผู้ครองนครแพร่ในขณะนั้น เข้ายึดอำนาจการปกครองในจังหวัดแพร่ และลุกลามมาถึงนครลำปาง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้จอมพลเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) ยกกองทัพขึ้นไปปราบปราม หลังจากปราบกบฏเงี้ยวเสร็จเรียบร้อยทั้ง 2 แห่ง พลตรีเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ได้หารือกับเจ้าบุญวาทย์ วงศ์มานิต เห็นควรให้มีกองทหารตั้งที่นครลำปาง เพื่อป้องกันไม่ให้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นอีก จึงได้กราบบังคมทูลเรื่องนี้ให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบ จึงทรงมีพระบรมราชานุญาตให้จัดตั้งกองทหารขึ้นที่นครลำปางเป็นครั้งแรกที่วัดป่ารวก ต่อมาปี 2448 ได้ย้ายมาอยู่ “ม่อนสันติสุข” โดยสร้างเป็นอาคารไม้หลังแรก ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหน่วย ร.17 พัน 2 และในปี 2495 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามค่ายทหารแห่งนี้ว่า “ค่ายสุรศักดิ์มนตรี” เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่จอมพลและมหาอำมาตย์เอกเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งเป็นแม่ทัพสำคัญในการยกทัพไปปราบกบฎเงี้ยว ในสมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันค่ายสุรศักดิ์มนตรีเป็นที่ตั้งของ “บ้านป่องนัก” หรือพลับพลาที่ประทับแรมโรงทหารนครลำปาง
บ้านป่องนัก สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2468 โดยกรมยุทธการทหารบก มีพันโทพระมหาณรงค์เรืองเดช (แปลก จุลกัณฑ์) ผู้บังคับกองทัพที่ 1 กรมทหารราบที่ 17 เป็นผู้อำนวยการและควบคุมการก่อสร้าง ใช้งบประมาณก่อสร้างจำนวน 16,000 บาท เพื่อใช้เป็นพลับพลาที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณณี พระบรมราชินี เมื่อคราวเสด็จพระราชดำเนินเยือนมณฑลพายัพ เมื่อวันที่ 6 มกราคม ถึง 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2469 และต่อมาเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2501 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมราษฎรในภาคเหนือ จึงได้จัดบ้านป่องนักให้เป็นพลับพลาที่ประทับอีกครั้ง
“บ้านป่องนัก” นับเป็นสถานที่อันทรงคุณค่าและ เป็นสถานที่ที่รวบรวมข้อมูลและเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ ภายในบ้านได้จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดลำปาง ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจน เครื่องใช้สมัยสงครามและของทหารกล้าในอดีตแต่ละสมรภูมิ อาวุธยุทธภัณฑ์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมถึงเครื่องใช้ส่วนพระองค์อีกจำนวนหนึ่ง นับเป็นสมบัติอันทรงคุณค่าและมีความเกี่ยวเนื่องกับประวัติศาสตร์ของมณฑลพายัพ กองทัพบกจึงได้ขึ้นทะเบียนเป็นพิพิธภัณฑ์ทหาร และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชม โดยภายในบ้านการปรับปรุงซ่อมแซมเพื่อให้บ้านป่องนักงดงามคงสภาพเดิมไว้ทุกประการ และตกแต่งมีห้องจัดแสดงต่าง ๆ ดังนี้
ชั้นล่าง จัดเป็นห้องต่าง ๆ เช่น ห้องทรงงาน ห้องจัดแสดงอาวุธบางส่วนที่ใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องมือสื่อสาร เครื่องเล่นแผ่นเสียงยุคเก่า ประวัติบุคคลสำคัญ ห้องจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับภาพเขียนสีประตูผาที่เป็นแหล่งโบราณคดีที่น่าสนใจของจังหวัดลำปาง อีกทั้งยังมีภาพถ่ายโบราณ (ภาพขาวดำ) เครื่องปั้นยุคต่าง ๆ เช่น ยุคบ้านเชียง ยุค หริภุญชัย ยุคสุโขทัย ที่จัดแสดงไว้มากมายเพื่อให้ได้เดินชมและศึกษาเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจังหวัดลำปาง
ห้องทรงงาน
ห้องแสดงอาวุธ แผ่นเสียง และวิทยุสื่อสารสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ห้องแสดงประวัติบุคคลสำคัญ เครื่องใช้ของทหาร
และภาพเขียนจอมพลเข้าพระยาศุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) ผู้บัญชาการทหารบก ปี พ.ศ. 2433-2435
บันไดด้านหน้า และบันไดด้านหลังซึ่งเป็นบันไดเวียน
โถงทางเดินภายในอาคารชั้นสองมีหน้าต่างเรียงรายตลอดทางเดิน
ชั้นบน แบ่งออกเป็นหลายห้องเช่นเดียวกันกับด้านล่าง เช่น ห้องแสดงเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้แก่ พระแสงดาบคาบค่ายจำลอง พระแสงปืนข้ามแม่น้ำสะโตงจำลอง เป็นต้น
ห้องแสดงเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ห้องบรรทมและโต๊ะทรงงานในห้องบรรทม
ห้องเสวย
ห้องแสดงเครื่องใช้ในสมัยก่อน
บ้านป่องนัก นับเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งหนึ่ง ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของไทย ในด้านการต่อสู้ห้องกันประเทศของทหาร และความผูกผันของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อกองทัพและประชาชนในพื้นที่มณฑลภายัพ (ภาคเหนือ) นับเป็นสถานที่ ที่เป็นทั้งแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและมีคุณค่ายิ่งของจังหวัดลำปาง
มณฑทลทหารบกที่ 32 ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าเยี่ยมชมความงดงาม และความมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของป้านป่องนัก ได้เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9:00-16:30 น. โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
เรียบเรียง :
วราพรรณ พูลสวัสดิ์ ครูชำนาญการพิเศษ สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้ภาคเหนือ
ภาพประกอบ :
นัชรี อุ่มบางตลาด ครูชำนาญการ สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้ภาคเหนือ
วราพรรณ พูลสวัสดิ์ ครูชำนาญการพิเศษ สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้ภาคเหนือ
อ้างอิง :
• พิพิธภัณฑ์มณฑลทหารบกที่ 32 (บ้านป่องนัก). (2555, 10 กุมภาพันธุ์). ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน).https://db.sac.or.th/museum/museum-detail/781
• ท่องเที่ยวสไตล์พิศาล พาชม “บ้านป่องนัก” ที่ประทับแรม Unseen ของสองกษัตริย์ไทย. (2558, 13 กันยายน). sanook. https://www.sanook.com/travel/1395733/