AI จะมาทดแทนคนได้จริงหรือไม่

ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันและธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในระบบการผลิตอัตโนมัติ บริการลูกค้า หรือการวิเคราะห์ข้อมูล AI ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำงานที่ซับซ้อนและแม่นยำ ซึ่งบางครั้งดูเหมือนว่า AI จะสามารถทดแทนการทำงานของมนุษย์ได้ แต่คำถามสำคัญคือ AI จะสามารถทดแทนคนได้จริงหรือไม่


ความสามารถและศักยภาพของ AI ในการทำงาน 
AI มีศักยภาพในการทำงานที่ดีกว่ามนุษย์ในหลาย ๆ ด้าน คือ
  1. ประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูล   AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากในเวลาที่รวดเร็ว ซึ่งเป็นประโยชน์ในงานที่ต้องการความแม่นยำและการตัดสินใจที่อิงข้อมูล เช่น การตรวจจับการฉ้อโกงในธนาคาร หรือการวิเคราะห์แนวโน้มการตลาด
  2. ความสามารถในการทำงานอัตโนมัติ AI สามารถทำงานที่ซ้ำซากและต้องการความสม่ำเสมอได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเบื่อ เช่น การผลิตสินค้าในโรงงาน หรือการตอบคำถามพื้นฐานของลูกค้าผ่านแชทบอท (Chatbot) การเรียนรู้และปรับปรุง ระบบ AI สามารถเรียนรู้จากข้อมูลใหม่ๆ และปรับปรุงการทำงานของตัวเองได้ นำไปสู่การพัฒนาความสามารถและการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
งานที่ AI ได้เข้ามามีบทบาทและเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน
  • ภาคการผลิต ในโรงงาน AI ถูกนำมาใช้ในการควบคุมกระบวนการผลิตและตรวจสอบคุณภาพของสินค้าอย่างละเอียด ทำให้การผลิตมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ภาคการเงิน AI ช่วยในงานวิเคราะห์ความเสี่ยง การตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ และการให้คำแนะนำการลงทุน โดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนและรวดเร็ว
  • ภาคการแพทย์ AI ถูกนำมาใช้ในการวินิจฉัยโรค การวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ และการพัฒนายาใหม่ๆ ซึ่งช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดเวลาในการรักษา
ข้อจำกัดของ AI ในการทำงาน


ถึงแม้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีความสามารถสูงในการทำงานหลายอย่าง แต่ก็ยังมีหลายอาชีพที่ AI ไม่สามารถทำได้หรือทำได้ไม่ดีเท่ากับมนุษย์ อาชีพเหล่านี้มักเกี่ยวข้องกับทักษะที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ ความเข้าใจในอารมณ์ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ มาดูกันว่าอาชีพเหล่านี้มีอะไรบ้าง
  1. งานสร้างสรรค์และศิลปะ เช่น ศิลปิน งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์สูง เช่น การวาดภาพ การแต่งเพลง หรือการออกแบบ นักเขียน โดยเฉพาะในงานเขียนที่ต้องการการเล่าเรื่องที่ลึกซึ้ง การสร้างตัวละคร หรือการสะท้อนถึงประสบการณ์ส่วนบุคคล นักออกแบบ แม้ว่า AI สามารถช่วยในกระบวนการออกแบบบางอย่างได้ แต่การออกแบบที่ต้องการการสื่อสารเรื่องราวหรือความรู้สึกยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำได้ดีกว่า
  2. งานที่เกี่ยวกับการสื่อสารและความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ เช่น ที่ปรึกษาและนักจิตวิทยา งานที่ต้องเข้าใจอารมณ์และปัญหาของผู้คนอย่างลึกซึ้ง และสามารถให้คำปรึกษาที่เหมาะสม พยาบาลและแพทย์ โดยเฉพาะในส่วนของการดูแลผู้ป่วยที่ต้องการความเข้าใจและความเห็นใจ ซึ่งเกินกว่าที่ AI จะทำได้ นักการศึกษา ครูที่ต้องปรับการสอนตามความต้องการและระดับความเข้าใจของนักเรียนแต่ละคน
  3. งานที่ต้องใช้การตัดสินใจและความรู้เชิงกลยุทธ์ เช่น ผู้นำองค์กร ต้องการการตัดสินใจที่ซับซ้อนซึ่งต้องการความเข้าใจในบริบทและการมีวิสัยทัศน์ระยะยาว นักกฎหมาย งานที่ต้องใช้การตีความและการประยุกต์ใช้กฎหมายที่มีความซับซ้อนและเป็นเฉพาะกรณี นักเศรษฐศาสตร์และนักวางแผน งานที่ต้องคาดการณ์แนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงในระดับที่มีความซับซ้อน
  4. งานที่ต้องใช้ทักษะที่ซับซ้อนและการปรับตัว เช่น ช่างฝีมือ ทำเครื่องประดับ แกะสลักไม้ ที่ต้องใช้ความละเอียดและความประณีตสูง นักกีฬาและนักแสดง การแสดงทักษะในด้านกีฬา การแสดงบนเวที หรือในภาพยนตร์ที่ต้องใช้การควบคุมร่างกายและอารมณ์ที่ซับซ้อน
  5. งานที่ต้องการการคิดเชิงจริยธรรมและการพิจารณาเชิงคุณค่า เช่น นักปรัชญาและนักวิจัยด้านจริยธรรม ที่ต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบและการตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณค่าและจริยธรรมในสังคม นักการทูตและผู้เจรจา ที่ต้องการความละเอียดอ่อนในการประนีประนอมและการสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม
  6. งานที่ต้องการการปรับตัวตามสถานการณ์เฉพาะหน้า เช่น นักผจญภัยและนักสำรวจ ซึ่งงานที่ต้องการการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอน นักข่าวภาคสนาม ที่ต้องสื่อสารกับผู้คนในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือที่มีความซับซ้อนสูง
  7. งานที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและศรัทธา เช่น ผู้นำทางศาสนา ที่ต้องการการนำและให้คำปรึกษาทางจิตวิญญาณ
แม้ว่า AI จะสามารถช่วยและสนับสนุนการทำงานในหลายด้าน แต่อาชีพที่ต้องใช้ความรู้สึก, ความคิดสร้างสรรค์ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์อย่างลึกซึ้งยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์สามารถทำได้ดีกว่าในหลายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ในงานต่างๆ ก็ยังต้องพิจารณาถึงผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างละเอียด

มนุษย์และ AI เสริมความสามารถกัน มนุษย์สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการแก้ปัญหา และความเข้าใจในบริบท เพื่อเสริมกับประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูลและการทำงานอัตโนมัติของ AI ทำให้มนุษย์สามารถทำงานในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและสามารถใช้เทคโนโลยี AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


แม้ AI จะเป็นเครื่องมือที่มีพลังในการเปลี่ยนแปลงโลกของการทำงานและชีวิตประจำวัน แต่มันไม่ได้เป็นเครื่องมือที่สามารถทดแทนมนุษย์ได้ทั้งหมด มนุษย์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ 
การตัดสินใจที่ซับซ้อน และการเข้าใจความรู้สึกที่ AI ไม่สามารถทำได้ การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI จะนำไปสู่อนาคตที่มีความสามารถและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในขณะที่รักษาคุณค่าที่ไม่สามารถถูกทดแทนได้ของมนุษย์


เรียบเรียง:
สราวุธ เบี้ยจรัส  นักวิชาการโสตทัศนศึกษา สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้ภาคเหนือ

อ้างอิง :
AI จะมาทำงานแทนคนได้จริงไหม? อนาคตของ AI กับคนจะเป็นอย่างไร. DIA. https://www.dia.co.th/articles/ai-replacing-human/
Human vs AI : AI จะมาทดแทนคนได้จริงหรือไม่? (2523, 29 สิงหาคม). aigen. https://aigencorp.com/human-vs-ai/