น้ำพุร้อนโป่งเดือด อัศจรรย์ความร้อนใต้พิภพ

ไอน้ำสีขาว ที่ลอยอยู่เหนือน้ำพุร้อน เสียงเดือดของน้ำพุที่พวยพุ่งจากใต้ดิน ดังก้องกังวาลตลอดทั้งวันทั้งคืน เป็นสิ่งที่คุ้นหูคุ้นตาบรรดานักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ประกอบกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มตลอดทั้งปี ทำให้น้ำพุร้อนโป่งเดือดเป็นสถานที่ที่พลาดไม่ได้แห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ น้ำพุร้อนโป่งเดือดตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ที่มีสภาพธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าทึบ ป่าต้นน้ำ และแหล่งธรรมชาติที่สวยงาม มีพื้นที่ 1,252 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมอำเภอแม่แตง อำเภอเชียงดาว อำเภอเวียงแหง ของจังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่บริเวณที่เป็นน้ำพุร้อนโป่งเดือดนั้น ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่


อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ได้จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติ “น้ำพุร้อนโป่งเดือด” โดยมีกิจกรรมแนะนำ คือ กิจกรรมการเดินผ่านป่า ต้นไม้ใหญ่ และมอสที่ขึ้นระหว่างทาง และแวะชมบ่อน้ำพุร้อนที่พุ่งมาจากใต้ดิน ทั้งบ่อเล็กและบ่อใหญ่ จากนั้นจะพบถังกักเก็บน้ำร้อนเพื่อปล่อยน้ำร้อนมาตามท่อ มายังบริเวณบ่อแช่น้ำแร่กลางแจ้ง และห้องแช่น้ำแร่ส่วนตัว โดยเส้นทางเดินจะเป็นรอบวงกลม ยาวประมาณ 1,550 เมตร บางช่วงจะมีสะพานไม้ที่ยาว ประมาณ 700 เมตร ระหว่างทางจะมีแผ่นป้ายให้ความรู้เป็นระยะ ๆ อีกด้วย



น้ำพุร้อนโป่งเดือด หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า โป่งเดือดป่าแป๋ เป็นน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ที่ปล่อยกระแสน้ำร่วมกับไอน้ำออกมาเป็นระยะ ๆ อย่างสม่ำเสมอ เกิดจากน้ำฝนและน้ำผิวดินที่ไหลลงสู่ใต้ดิน ตามรอยแตกและรูพรุนของหินจนถึงความลึกระดับหนึ่ง และได้รับความร้อนจากชั้นหินหลอมเหลวใต้ดิน จนกลายเป็นน้ำร้อนไหลย้อนกลับขึ้นมาขังในโพรงที่แทรกอยู่ใต้ดิน และเปลี่ยนสภาพเป็นไอน้ำ เกิดแรงดันที่สูงมาก ทำให้น้ำที่อยู่ในโพรงดังกล่าว พุ่งขึ้นมาสู่ผิวดิน ซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง 100 องศาเซลเซียส ที่เรียกว่าโป่งเดือด เนื่องจากน้ำพุที่ผุดขึ้นเหนือพื้นดินนั้น มีเสียงคล้ายกับน้ำต้มเดือดนั่นเอง
 
น้ำพุร้อนโป่งเดือดแห่งนี้ เป็นน้ำพุร้อนประเภทไกเซอร์ (Geyser) ไกเซอร์ คือเป็นน้ำพุที่พุ่งขึ้นจากผิวดินด้วยแรงดันภายใต้โลก มาจากชื่อของน้ำพุร้อน Geyser ในประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งมีความหมายว่า พรั่งพรู เพราะมีมวลน้ำจำนวนมากพรั่งพรูมาจากใต้ดิน การเกิดของไกเซอร์ขึ้นอยู่กับลักษณะเฉพาะทางอุทกธรณีวิทยา ซึ่งน้ำพุร้อนแบบนี้จะเดือดและพุ่งขึ้นมาสูงกว่าระดับผิวดินเป็นครั้งคราวหรือตลอดเวลา การพุ่งขึ้นสูงสุดของน้ำจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คงที่ โดยมีอุณหภูมิของน้ำผิวดินอยู่ที่ ประมาณ 90-99 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิของน้ำใต้ดินอยู่ที่ประมาณ 176-203 องศาเซลเซียส


น้ำพุร้อนโป่งเดือด มีบ่อน้ำร้อน (Hot Pool) ขนาดต่าง ๆ กัน รวมประมาณ 10 บ่อ มีแนวการวางตัวอยู่ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้) บ่อที่ใหญ่ที่สุดมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3 เมตร ในอดีตน้ำร้อนจากบ่อนี้เคยพุ่งสูงมากกว่า 2 เมตร จากระดับผิวดิน โดยในช่วงเวลาทุก ๆ 30 วินาที น้ำร้อนจะพุ่งขึ้นมาครั้งหนึ่ง น้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมามีลักษณะเป็นฟองก๊าซผสมกับไอน้ำร้อนที่โปรยปรายเป็นละอองกระจายไปทั่ว น้ำร้อนมีอุณหภูมิ 99 ถึง 100 องศาเซลเซียส บริเวณตัวแหล่งน้ำพุร้อนคลุมพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตร พบสาหร่ายสีขาว สีแดง และสีเขียวตามบ่อน้ำพุร้อน และธารน้ำร้อน อัตราการไหลรวมทั้งหมดของน้ำพุร้อนประมาณ 20 ลิตรต่อวินาที


ปัจจุบันการพุ่งของน้ำพุร้อนได้ลดระดับลงไปบ้าง จากการสอบถามผู้ที่เคยมาเที่ยว ในอดีตน้ำพุมีความสูงมากกว่านี้ แต่ปัจจุบัน (กรกฎาคม 2566) มีความสูงเพียง 1 เมตร เท่านั้น เพราะปริมาณน้ำใต้ดินลดลงมาก และเนื่องจากน้ำที่พุ่งขึ้นมาจากน้ำพุร้อนแห่งนี้ มีอุณหภูมิสูงถึง 100 องศาเซลเซียส ทางอุทยานจึงทำรั้วกั้นไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินลงไปใกล้บริเวณน้ำพุมากเกินไป และไม่อนุญาตให้นำไข่มาต้มที่บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้

เมื่อชมมหัศจรรย์ของน้ำพุ และให้ไอน้ำร้อนปะทะเพื่อเป็นการสปาหน้าแล้ว เดินอีกประมาณ 300 เมตร ก็จะมาถึงบริเวณที่โล่ง พบธารน้ำอุ่นใสแจ๋ว มีแอ่งน้ำกว้าง ประมาณ 1 เมตร เป็นช่วง ๆ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งบนโขดหินและแช่เท้าบริเวณลำธารนี้ได้เช่นกัน 



นอกจากนี้ทางอุทยานฯ ได้ทำทางเดินไปยังบ่อแช่น้ำแร่กลางแจ้งที่มีหลายรูปแบบ เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักสุขภาพได้ผ่อนคลาย 


การแช่น้ำแร่ที่อุ่น ๆ เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสดชื่นได้เป็นอย่างดี  ไม่ว่าจะเป็นบ่อสำหรับแช่เท้า บ่อสำหรับแช่ตัวที่สามารถว่ายน้ำได้ด้วย หรือห้องแช่น้ำแร่ส่วนตัว ที่มีทั้งห้องแบบธรรมดา และห้อง VIP ที่ด้านหลังเปิดโล่งเพื่อที่ระหว่างการแช่ตัว ยังสามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงามได้อย่างเพลิดเพลิน ที่สำคัญยังมองเห็น “ดอยเลี่ยม” ซึ่งเป็นดอยที่อยู่ไกลออกไปได้อีกด้วย เป็นความประทับใจที่ยากจะลืมเลือน ที่พิเศษอีกอย่าง คือ ที่นี่มีบ่อแช่น้ำแร่แยกต่างหากสำหรับภิกษุสงฆ์อีกด้วย 



น้ำพุร้อนโป่งเดือด จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ ด้วยธรรมชาติแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ รวมถึงอากาศที่หนาวเย็น ทำให้เราสามารถเดินเที่ยวเล่นได้อย่างสบาย ๆ ภายในบริเวณอุทยานฯ ยังให้บริการบ้านพัก ร้านอาหาร ลานกางเต็นท์ และมีเต้นท์ให้เช่า ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวภายในอุทยาน บริเวณน้ำพุร้อน จุดชมวิวภูเขา และบริเวณใกล้เคียงได้โดยไม่ต้องกังวล
 

การเดินทางไปเดินทางไปน้ำพุร้อนโป่งเดือด จากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ไปตามเส้นทางหลวง หมายเลข 107 และเข้าแยกซ้ายมือที่ตลาดแม่มาลัย อำเภอแม่แตง ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1095 ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 42 จะพบป้ายบอกทางน้ำพุร้อนโป่งเดือด ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 7 กิโลเมตร จะพบด่าน ของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ นด.1 (โป่งเดือด)

การเข้าชมอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง มีค่าธรรมเนียมที่จ่ายแค่ครั้งเดียว แต่สามารถเข้าชมได้ 3 แห่ง ภายใน 1 วัน คือ น้ำพุร้อนโป่งเดือด จุดชมทะเลหมอกดอยกิ่ว (ห้วยน้ำดัง) และโป่งน้ำร้อนท่าปาย ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยให้เก็บบัตรผ่านไว้และแสดงให้เจ้าที่หน้าบริเวณทางเข้า



เขียน/เรียบเรียง :
ณิชากร เมตาภรณ์  ครู ชำนาญการพิเศษ  สถาบัน กศน.ภาคเหนือ

ถ่ายภาพ :
สราวุธ เบี้ยจรัส  นักวิชาการโสตทัศนศึกษา  สถาบัน กศน.ภาคเหนือ

อ้างอิง :
สำนักงานอุทยานแห่งชาติ. (ม.ป.ป). น้ำพุร้อนโป่งเดือด - อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง. https://portal.dnp.go.th/Content/nationalpark?contentId=1743

Nukkpidet. ( 2563, 11 มิถุนายน). แช่ น้ำพุร้อนโป่งเดือด Unseen ที่เที่ยวเชียงใหม่ ณ โป่งเดือดป่าแป๋. TrueID. https://travel.trueid.net/detail/GjNLE8EkngzM

กรมทรัพยากรธรณี. (ม.ป.ป). น้ำพุร้อนป่าแป้. https://www.dmr.go.th/น้ำพุร้อนป่าแป้/