จากภาพประกอบ แสดงให้เห็นรูปแบบและปัจจัยที่ศึกษาตามแนวความคิดของเวอร์เดอลิน ซึ่งแสดงไว้ 7 ด้านด้วยกัน คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านกำลังคน ด้านเทคนิค ด้านกฎหมาย ด้านสติปัญญา ด้านภูมิหลัง และด้านสังคม เมื่อพิจารณาจากผู้เสนอแผน ก็ต้องมอง 2 ทาง คือ ความเป็นไปได้ด้านทรัพยากร เช่น เศรษฐกิจ กำลังคน เทคนิควิธี อีกทางหนึ่งคือ ด้านการเตรียมการในด้านกฎหมาย ถ้าพิจารณาจากผู้รับแผน ก็ต้องมองความเป็นไปได้ 2 ทาง เช่นเดียวกัน คือ การศึกษาความเป็นไปได้ด้านสังคมที่แวดล้อมและเกี่ยวข้องกับโครงการ และการศึกษาความเป็นไปได้ด้านสติปัญญาและด้านภูมิหลังของผู้เรียน
เวอร์เดลิน ได้แนะให้ศึกษาตัวแปรของปัจจัยแต่ละด้าน ดังนี้
- ความเป็นไปได้ด้านเศรษฐกิจ ศึกษากำลังเงินค่าใช้จ่ายของโครงการในด้านต่าง ๆ เช่น เงินเดือนครู อาคารสถานที่ สื่อ เครื่องมือ อาหาร ยาและสุขภาพอนามัย การปรับปรุงระบบขององค์กร และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สิ่งเหล่านี้ต้องคาดคะเนออกมาเป็นวงเงินค่าใช้จ่ายที่มีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุดและสอดคล้องกับสภาพความจำเป็นทางเศรษฐกิจมากที่สุด และจะต้องมีระบบทดสอบความคลาดเคลื่อนได้
- ความเป็นไปได้ด้านกำลังคนหรือทรัพยากรมนุษย์ ศึกษาความพร้อมของผู้สอนและบุคลากรที่จะร่วมโครงการ เช่น ผู้มีคุณสมบัติที่จะสร้างสื่อและผลิตวัสดุอุปกรณ์เพื่อการสอนผู้เรียน และการฝึกอบรมครู ผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ หรือบุคคลอื่น ๆ ในองค์กรให้สามารถทำงานได้ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องวางแผนดำเนินการให้รอบคอบ อาจจะต้องตรวจสอบหรือทดลองก่อน
- ความเป็นไปได้ทางเทคนิค ต้องมีการตรวจสอบหรือทดลองว่า สิ่งต่าง ๆ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ เครื่องฉายโปรเจคเตอร์ ฯลฯ มีอยู่พร้อมจะดำเนินการได้ตามโครงการ
- ความเป็นไปได้ทางด้านกฎหมาย ศึกษากฎหมาย ระเบียบ ข้อตกลงและสัญญาต่าง ๆ รวมทั้งกลไกการบริหารที่เอื้อต่อการปฏิบัติงานหรือเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามโครงการ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิของครู อำนาจหน้าที่ของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทางการศึกษาที่จะดำเนินการ
- ความเป็นไปได้ทางสังคม ศึกษาบุคคลที่เกี่ยวข้องและได้รับผลจากโครงการ เช่น ผู้เรียน ครู และกลุ่มบุคคลต่าง ๆ เพื่อจะดูว่าจะยอมรับความเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพียงใด วิธีการศึกษา คือ สุ่มตัวอย่างมาให้แสดงความคิดเห็น หรือเจตคติเกี่ยวกับการดำเนินงาน หรือผลที่ได้จากโครงการ โดยใช้เครื่องมือวัดทางสังคมที่เหมาะสม มีความเที่ยงตรงและเชื่อถือได้
- ความเป็นไปได้เกี่ยวกับภูมิหลังและสติปัญญาของผู้เรียนและบุคคลกรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาจได้จากข้อมูลเก่าที่มีอยู่แล้ว หรือบางกรณีอาจจำเป็นต้องรวบรวมใหม่จากกลุ่มตัวอย่าง ข้อจำกัดของการศึกษาในเรื่องนี้คือ ไม่สามารถวัดภูมิหลังและความสามารถของบุคคลได้ในสถานการณ์ที่เป็นจริง ผลคาดคะเนจึงอาจคลาดเคลื่อนไปบ้าง
ภาพโดย upklyak จาก Freepik
ตัวอย่างงานวิจัยที่เกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการทางการศึกษา
การศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงของสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ สำหรับโรงเรียนเอกชนอาชีวศึกษาในกรุงเทพมหานคร (ฉลวย ประชาบาล, 2533 อ้างใน ศักดิ์ศรี ปาณะกุล, 2545: 70)
ความมุ่งหมายของการวิจัย
เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงของสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล ประเภทวิชาบริหารธุรกิจ สำหรับโรงเรียนเอกชนอาชีวศึกษาในกรุงเทพมหานคร โดยพิจารณาจาก
- ความพร้อมด้านการจัดการเรียนการสอน ซึ่งประกอบด้วย ความพร้อมด้านทรัพยากร และความพร้อมด้านการสอนของอาจารย์
- ความต้องการของตลาดแรงงาน
เครื่องมือวิจัย : แบบสอบถามมาตราประมาณค่า 5 ระดับ
• ตัวอย่างที่ 2
การประเมินสภาพความพร้อมของท้องถิ่นในการขยายการศึกษาพื้นฐาน 12 ปี (วัลลภ กันทรัพย์, 2540 อ้างใน ศักดิ์ศรี ปาณะกุล, 2545: 70-71)
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
เพื่อประเมินสภาพความพร้อมของท้องถิ่นในการขยายการศึกษาพื้นฐาน 12 ปี โดยเน้นศึกษาที่สภาพความพร้อมของโรงเรียน หน่วยงานการศึกษาในระดับท้องถิ่น ผู้เรียน ผู้ปกครอง และชุมชน
ประเด็นหลักที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล แบ่งเป็น 6 ข้อ ดังนี้
- สภาพความพร้อมของโรงเรียน
- สภาพความพร้อมของหน่วยงานสนับสนุนการศึกษาในท้องถิ่น
- สภาพความต้องการของผู้ปกครอง
- สภาพความพร้อมของชุมชน
- สภาพความพร้อมของผู้เรียน
- ทางเลือกปฏิบัติในการขยายการศึกษาพื้นฐาน 12 ปี
กลุ่มตัวอย่าง : มี 5 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้บริหาร กลุ่มผู้ปฏิบัติงาน กลุ่มผู้เรียน กลุ่มผู้ปกครอง และกลุ่มบุคคลในชุมชน
เครื่องมือในการวิจัย : ใช้แบบสอบถามกับทุกกลุ่มตัวอย่าง แยกเป็น 5 ฉบับ นอกจากกลุ่มประชาชน ซึ่งเป็นกลุ่มย่อยของกลุ่มบุคคลในชุมชนที่ใช้วิธีสัมภาษณ์แทน
การประเมินความเป็นไปได้ ก่อนเริ่มดำเนินโครงการขยายการศึกษาภาคบังคับจากประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (นิศา ชูโต, 2536 อ้างใน ศักดิ์ศรี ปาณะกุล, 2545: 71-72)
ประเด็นที่ประเมิน
- ความพร้อมของสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ ที่จะจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยพิจารณาความพร้อมของสถานที่เรียน บุคลากร วัสดุครุภัณฑ์และค่าใช้จ่าย
- การคาดคะเนผลกระทบของการขยายโอกาสการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ที่มีต่อการจัดการศึกษาและคุณภาพแรงงาน ดังต่อไปนี้
2.1 การจัดการศึกษาในระดับประถมศึกษาของโรงเรียนประถมศึกษาที่ขยายโอกาส
2.2 การจัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาของโรงเรียนใกล้เคียง
2.3 การศึกษาในระดับอุดมศึกษา
2.4 คุณภาพแรงงาน - แนวปฏิบัติในการขยายโอกาสทางการศึกษา ซึ่งต้องแก้แผนการศึกษาแห่งชาติและพระราชบัญญัติต่าง ๆ จึงต้องดำเนินโครงการนำร่องขยายการศึกษาภาคบังคับ เพื่อหารูปแบบการดำเนินงานที่เหมาะสม
กล่าวโดยสรุป การศึกษาความเป็นไปได้ จึงมีลักษณะเป็นการวิเคราะห์เชิงระบบ เพื่อพิจารณากลไกของระบบที่จะช่วยให้การดำเนินงานหลักสูตรเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือจุดมุ่งหมายของหลักสูตร โดยทั่วไปมักพิจารณาด้านเศรษฐกิจ การเงิน เทคนิค ความพร้อมและความสามารถของหน่วยงาน/สถานศึกษาผู้จัดหลักสูตร ดังนั้น การประเมินหลักสูตรก่อนนำไปใช้ โดยการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) จึงมักถูกนำมาใช้ในกรณีที่มีหลักสูตรแล้ว และต้องการศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดหลักสูตร
เขียน/เรียบเรียง :
อรวรรณ ฟังเพราะ ครู ชำนาญการพิเศษ สถาบัน กศน.ภาคเหนือ
อ้างอิง :
ศักดิ์ศรี ปาณะกุล. (2545). การประเมินหลักสูตร (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคำแหง.