ฝุ่นละออง PM10 และ PM2.5 ต่างกันอย่างไร

ฝุ่นละออง (Particle Matter) หมายถึง อนุภาคของแข็งหรือหยดละอองของเหลวที่แขวนลอยในบรรยากาศ ซึ่งมีขนาดแตกต่างกันตั้งแต่ 100 ไมครอนลงมา เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ และเกิดจากกกิจกรรมต่าง ๆของมนุษย์ บางชนิดมีขนาดใหญ่จนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น ฝุ่นจากโรงโม่หิน ฝุ่นจากโรงไม้ แต่บางชนิดมีขนาดเล็กมากจนมองไม่เห็น ซึ่งฝุ่นละอองขนาดเล็กมีผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพของประชาชน

ภาพจาก ไทยรัฐออนไลน์ https://www.thairath.co.th/content/412766

คำว่า PM ที่ย่อมาจาก Particulate Matters เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แบ่งย่อยออกได้เป็น 2 ชนิด คือ ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน เรียกว่า ฝุ่นPM2.5 และฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน หรือที่เรียกว่า ฝุ่น PM10

ฝุ่น PM10 เป็นฝุ่นหยาบ มีขนาดอนุภาคอยู่ในช่วง 2.5-10 ไมครอน ที่มาของฝุ่นชนิดนี้ส่วนใหญ่จะมาจากถนนที่ไม่ได้ลาดยาง ฝุ่นจากการจราจร การขนส่ง และจากการบดหิน หรือย่อยหิน ผลกระทบของคนที่ได้รับฝุ่น หรือหมอกควัน PM 10 เป็นปริมาณมาก ๆ มักจะเกิดการระคายเคือง แสบตา แสบปากและลำคอ ส่วนโรคที่มีต้นกำเนิดมาจากฝุ่นประเภทนี้มีหลายโรคค่ะ ยกตัวอย่างเช่น โรคภูมิแพ้ หอบหืด ถุงลมโป่งพอง และโรคหัวใจ เป็นต้น

ฝุ่น PM 2.5 ฝุ่นชนิดนี้เป็นฝุ่นละเอียด มีอนุภาคเล็กกว่า 2.5 ไมครอน มีขนาดเล็กประมาณ 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผม ขนจมูกไม่สามารถกรองได้ ลอยในอากาศได้นานและไกลถึง 1,000 กิโลเมตร และอาจมีสารพิษที่เกาะมาด้วย หากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ล่องลอยอยู่ในอากาศปริมาณมาก จะเห็นท้องฟ้าเป็นสีหม่น หรือเกิดเป็นหมอกควัน ที่มาของฝุ่นชนิดนี้คือการเผาไหม้เชื้อเพลิง อย่างเช่น ควันเสียรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรม โรงผลิตไฟฟ้า และจากการผลิตสารเคมี เป็นต้น โดยที่ฝุ่นนี้ที่สามารถเข้าไปจนถึงถุงลมในปอดได้ ซึ่งอันตรายจากฝุ่นประเภทคือจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของปอดเสื่อม แย่ลง ถ้าเกิดสูดฝุ่น PM 2.5 เข้าไปมาก ๆ จะทำให้เราหายใจได้สั้น และทำให้หัวใจทำงานหนัก เพราะว่าปอดแลกเปลี่ยนอากาศได้น้อยลง ฝุ่นขนาด PM 2.5 จึงมักจะเชื่อมโยงกับการเกิดโรคหัวใจและโรคปอดนั่นเอง

ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในประเทศไทย 
มีสาเหตุมาจากปัจจัยที่ควบคุมได้และปัจจัยควบคุมไม่ได้ ดังนี้
ปัจจัยที่ควบคุมได้ : กิจกรรมของมนุษย์
• การเผาในที่โล่ง เช่น เผาเศษวัสดุการเกษตร เผาขยะ
• การจราจร
• การเผาไหม้เชื้อเพลิงอุตสาหกรรม
• การก่อสร้างอาคาร
• การสูบบุหรี่
• การใช้เตาปิ้งย่างที่ทาให้เกิดควัน
• สถานประกอบการต่าง ๆ เช่น อู่ซ่อมรถ พ่นสีรถ
ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ สภาพอุตุนิยมวิทยา:
• อากาศเย็นและแห้ง ความกดอากาศสูง
• สภาพอากาศนิ่ง ทำให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่แพร่กระจาย ฝุ่นละอองแขวนลอยได้นาน

สาเหตุของฝุ่นละอองขนาดเล็ก  มีความแตกต่างกันตามแหล่งกำเนิดในแต่ละพื้นที่
  1. พื้นที่ภาคเหนือ มักเกิดจากปัญหาไฟป่าและการลักลอบเผาในที่โล่ง เช่น การเผาเศษวัชพืช การเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ประกอบกับภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะและมีภูเขาล้อมรอบ ซึ่งในช่วงหน้าแล้งอากาศแห้ง ความกดอากาศสูง ทาให้เกิดสภาวะอากาศปิด ความรุนแรงของปัญหาจึงเพิ่มขึ้น
  2. ในเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และเมืองหลักในภูมิภาคต่าง ๆ มีแหล่งกำเนิดหลักมาจากรถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนน และเครื่องยนต์ที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ รวมถึงการติดเครื่องยนต์ขณะจอดอยู่กับที่ โดยเฉพาะในช่วงที่การจราจรหนาแน่นและติดขัด ทาให้เกิดการสะสมตัวของมลพิษทางอากาศในปริมาณมาก นอกจากนี้ยังเกิดจากการเผาไหม้ต่าง ๆ ในบ้านเรือนหรือกิจกรรมชุมชน เช่น การจุดเตาถ่านในบ้านเรือน การปิ้งหรือย่างอาหาร ทาให้มีการสะสมมลพิษทางอากาศในปริมาณสูงขึ้น ทำให้เป็นอันตรายโดยเฉพาะในห้องที่ไม่มีช่องระบายอากาศ รวมถึงปฏิกิริยาเคมีในอากาศ เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2) ออกไซต์ของไนโตรเจน (NOX) และสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ทาปฏิกิริยากับสารอื่นในอากาศเกิดเป็นฝุ่นละเอียดได้

ข้อแนะนำและวิธีป้องกันตนเองจากฝุ่นพิษ PM 2.5
  1. ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
  2. หลีกเลี่ยงการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง เผาพื้นที่เพื่อเตรียมการทำเกษตรกรรม เผาขยะ หรือวัสดุเหลือใช้
  3. ควบคุมกระบวนการก่อสร้างให้มีฝุ่นน้อยที่สุด
  4. ออกกำลังกายในที่ร่ม ฝุ่นน้อยๆ และไม่ควรใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกกำลังกาย
  5. รับประทานอาหารเสริม อาหารที่มีวิตามินซี และวิตามินอีสูง เช่น ถั่ว ปลา(มีโอเมก้า 3 มาก)
  6. ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่จำเป็นต้องออกข้างนอกบ้าน หรือที่โล่งแจ้ง ให้ใส่หน้ากากพิเศษชนิดที่เรียกว่า “เอ็นเก้าสิบห้า” โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบการหายใจหรือโรคหัวใจเรื้อรัง สำหรับคนทั่วไปอย่างน้อยให้ใส่ “หน้ากากอนามัย” โดยต้องใส่ให้ถูกต้องวิธี คือ หันด้านที่เป็นสีเขียวและเป็นมันออกด้านนอก ให้ส่วนที่มีแผ่นเสริมความแข็งแรงและช่วยการเข้ารูปอยู่ด้านบนของจมูก สังเกตรอยพับของผ้าด้านหน้าต้องพับลง หากใส่ผิดรอยพับจะกักเก็บฝุ่นละอองในรอยพับ ทำให้หายใจลำบาก
ผู้ที่มีโอกาสได้รับอันตรายจากฝุ่นละอองในอากาศมากกว่าคนทั่วไป 
ได้แก่ เด็ก คนสูงวัย ผู้ป่วยโรคปอดและโรคหัวใจ ถึงแม้บุคคลทั่วไปที่มีร่างกายแข็งแรงดี หากได้รับสัมผัสฝุ่นละอองขนาดเล็กที่มีความเข้มข้นมากกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรอากาศ ในระยะเวลานาน ก็สามารถเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้เช่นกัน โดยอาจจะเป็นภูมิแพ้ ท่อลมฝอยอุดตัน หอบหืดเรื้อรัง ปอดอักเสบเรื้อรัง ไอเป็นเลือด โรคหลอดเลือดและหัวใจ 
ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าเราสามารถสูดฝุ่นขนาด PM 10 และ PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายได้มากแค่ไหนก่อนที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้น จึงควรเลี่ยงความเสี่ยงจากโรคร้ายที่เกิดจากฝุ่นทั้ง 2 ขนาด ด้วยการอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศสะอาด หรือสวมใส่หน้าป้องกันฝุ่นควันขนาดเล็ก เช่น หน้ากาก N95 หรือ หน้ากาก RespoKare Anti-Pollution Mask

ประเภทของหน้ากากอนามัยและการเลือกใช้ให้เหมาะสม
  1. หน้ากากอนามัยชนิด N95 เป็นหน้ากากอนามัยที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้เป็นหน้ากากที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด เพราะป้องกันได้ทั้งฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน เหมาะสำหรับป้องกันมลพิษ ฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ควันพิษ ไอเสียรถยนต์ และไอระเหยของสารเคมีต่าง ๆ

  2. หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้น หรือ หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เป็นแบบที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อและร้านขายยาทั่วไป เน้นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากการไอหรือจามจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราได้ แต่หากเป็นเชื้อไวรัสซึ่งมีอนุภาคเล็กระดับไมครอน อาจไม่สามารถป้องกันได้ จึงไม่เพียงพอหากต้องการป้องกันฝุ่นพิษ PM2.5 และควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่แนะนำให้ใช้ซ้ำ
  3. หน้ากากอนามัยแบบผ้าฝ้าย ระดับความป้องกันไม่แตกต่างจากหน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ เน้นการป้องกันการกระจายของน้ำมูกหรือน้ำลายจากการไอจาม สามารถป้องกันฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 ไมครอนขึ้นไป จึงไม่เหมาะกับการป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 แต่มีข้อดี คือ ประหยัด สามารถนำไปซักกับน้ำยาฆ่าเชื้อโรคแล้วนำลับมาใช้ใหม่ได้


เรียบเรียง :
นัชรึ อุ่มบางตลาด ครู ชำนาญการ สถาบัน กศน.ภาคเหนือ


อ้างอิง :
บริษัทโฮลีสเมดิแคร์. ฝุ่นละอองอนุภาคเล็ก (PM2.5). กับอันตรายที่ไม่เล็ก. สืบค้นจาก https://www.holismedicare.com/content/4718/ฝุ่นละอองอนุภาคเล็กPM25-กับอันตรายที่ไม่เล็ก

สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. (2562, 6 กุมภาพันธุ์). รู้จักฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่มากับมลภาวะ และวิธีการเลือกหน้ากากป้องกัน. สืบค้นจาก http://www.mnre.go.th/om/th/news/detail/31459