Blockchain คืออะไร ?
Blockchain เป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ที่มีความปลอดภัยและโปร่งใส โดยที่ข้อมูลจะถูกบันทึกอยู่ใน “บล็อก (Block)” แต่ละบล็อกจะถูกเชื่อมต่อกันเป็น “ห่วงโซ่ (Chain)” ซึ่งทำให้ข้อมูลไม่สามารถถูกแก้ไขหรือปลอมแปลงได้ง่าย ๆเพราะทุกคนจะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงข้อมูล
ส่งผลให้ Blockchain เป็นเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูง
จุดเริ่มต้นของบล็อกเชน
บล็อกเชน ถูกเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ. 2535 ในรูปแบบเอกสารงานวิจัยระบบรักษาความปลอดภัยด้วยห่วงโซ่ของบล็อกที่มีการเข้ารหัสลับ (Chain of cryptographically secured blocks) โดยทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริการ ต่อมาในปี พ.ศ. 2551 ในช่วงวิกฤตเศษฐกิจครั้งใหญ่ที่เราเรียกว่า Global Financial Crisis มีบุคคลนิรนามผู้หนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Satoshi Nakamoto ได้ให้กำเนิดสิ่งที่เรียกว่าบิทคอยน์ (Bitcoin) ขึ้นมาบิทคอยน์เป็นเงินดิจิทัลสกุลแรกในประวัติศาสตร์ที่ใคร ๆ ก็สามารถใช้ได้ ทุกคนสามารถถือเงินดิจิทัลและโอนเงินดิจิทัลหากันได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลางใด ๆ อย่างเช่น ธนาคาร และที่สำคัญ มันไม่ได้ถูกสร้างหรือควบคุมโดยรัฐหรือองค์กรใด ๆ
หลักการทำงานของ ของ Blockchain
การทำงานของ Blockchain สามารถอธิบายได้ใน 3 ขั้นตอนหลัก:
- การสร้างธุรกรรม (Transaction Creation) เมื่อผู้ใช้ทำการสร้างธุรกรรม เช่น การโอนเงินหรือการทำข้อตกลง ข้อมูลของธุรกรรมจะถูกบันทึกในรูปแบบดิจิทัลและรอการยืนยัน
- การตรวจสอบและการยืนยัน (Verification and Validation) ธุรกรรมที่สร้างขึ้นจะถูกส่งไปยังเครือข่ายของผู้ใช้งาน (Nodes) แต่ละ Node จะตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมโดยใช้กฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เช่น การตรวจสอบว่าผู้ส่งมีทรัพยากรเพียงพอที่จะทำธุรกรรมหรือไม่
- การเพิ่มธุรกรรมลงในบล็อกและการเชื่อมต่อ (Block Addition and Linking) เมื่อธุรกรรมได้รับการยืนยัน ธุรกรรมนั้นจะถูกรวมเข้ากับธุรกรรมอื่น ๆ ที่ได้รับการยืนยันแล้วในบล็อกใหม่บล็อกใหม่จะถูกเพิ่มลงในห่วงโซ่โดยการเชื่อมต่อกับบล็อกก่อนหน้า ซึ่งทำให้เกิดห่วงโซ่ของบล็อก (Blockchain)
ประโยชน์ของ Blockchain
- ความปลอดภัยสูง การเข้ารหัสและการกระจายข้อมูลทำให้การทำธุรกรรมในบล็อกเชนมีความปลอดภัยสูง ข้อมูลไม่สามารถถูกแก้ไขหรือปลอมแปลงได้โดยง่าย ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบใหญ่ในการป้องกันการโกงและการละเมิดข้อมูล
- ความโปร่งใส ทุกการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นในบล็อกเชนจะถูกบันทึกและสามารถตรวจสอบได้อย่างเปิดเผย ทำให้เกิดความโปร่งใสที่สูงขึ้นในการดำเนินการของธุรกิจและองค์กร
- ลดความจำเป็นในการมีคนกลาง Blockchain สามารถลดหรือกำจัดความจำเป็นในการมีคนกลางหรือหน่วยงานกลางในการดำเนินธุรกรรม ทำให้กระบวนการรวดเร็วขึ้นและลดค่าใช้จ่าย
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การใช้ Blockchain สามารถทำให้การทำธุรกรรมต่างๆ เช่น การโอนเงิน การจัดการสินทรัพย์ หรือการทำสัญญา มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การประยุกต์ใช้ Blockchain ในโลกปัจจุบัน
Blockchain มีการนำไปใช้อย่างกว้างขวางในหลายๆ อุตสาหกรรม
- การเงินและการธนาคาร
- การโอนเงินระหว่างประเทศที่รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมต่ำ
- สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) เช่น Bitcoin และ Ethereum
- การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Management)
- การติดตามและตรวจสอบที่มาของสินค้าเพื่อป้องกันการปลอมแปลง
- การเพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการผลิตและการจัดส่ง
- สุขภาพ (Healthcare)
- การจัดเก็บและแบ่งปันข้อมูลผู้ป่วยอย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
- การติดตามการใช้ยาจากผู้ผลิตถึงผู้บริโภค
- การจัดการทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์
- การบันทึกและการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและทรัพย์สินแบบดิจิทัล
- การใช้ Smart Contracts ในการทำธุรกรรมที่ต้องการเงื่อนไขหลายขั้นตอน
ความท้าทายและอนาคตของ Blockchain
ถึงแม้ว่า Blockchain จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ก็ยังมีความท้าทายที่ต้องเผชิญ
- ปัญหาด้านการขยายตัว (Scalability) ระบบ Blockchain อาจมีปัญหาในการรองรับปริมาณธุรกรรมที่สูงมาก
- การใช้พลังงานสูง (High Energy Consumption การประมวลผลและการยืนยันธุรกรรมบน Blockchain ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก
- การรับรองมาตรฐานและกฎระเบียบ (Regulation and Compliance) เรื่องของกฎหมายและการรับรองมาตรฐานในแต่ละประเทศยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทาย
อย่างไรก็ตาม อนาคตของ Blockchain ยังคงสดใส ด้วยการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ และ
การปรับปรุงเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
ที่ถูกพัฒนาขึ้น และจะสร้างประโยชน์ในการใช้งานอย่างมหาศาล
เรียบเรียง :
สราวุธ เบี้ยจรัส นักวิชาการโสตทัศนศึกษา สถาบันส่งเสริมการเรียนรู้ภาคเหนือภาคเหนือ
อ้างอิง :
• เทคโนโลยีบล็อกเชนคืออะไร. aws. https://aws.amazon.com/th/what-is/blockchain/
• ณัฐพล ตันติวงศ์ไชยชาญ. Blockchain กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ในวงการเงิน. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลhttps://www.depa.or.th/th/article-view/blockchain-change