ภาพโดย macrovector จาก freepik.com
PDPA คืออะไร
PDPA ย่อมาจาก Personal Data Protection Act B.E. 2562 (2019) หรือ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เป็นกฎหมายว่าด้วยการให้สิทธิ์กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สร้างมาตรฐานการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้ปลอดภัย และนำข้อมูลไปใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์ตามคำยินยอมที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาต โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 ระบุให้องค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอกชน หรือหน่วยงานภาครัฐ ต้องไม่นำเอาข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในกิจกรรมอื่น ๆ ที่เจ้าของข้อมูลไม่ยินยอม แต่ในหมวดที่สำคัญซึ่งเกี่ยวกับเนื้อหาการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการกำหนดโทษกรณีที่มีการละเมิดกฎหมายนั้น และปัจจุบันได้ถูกเลื่อนให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน 2565
สิ่งที่สำคัญที่จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่รัฐคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล
เหตุผลในการประกาศใช้ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ PDPA (Personal Data Protection Act) เนื่องมาจากเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นและช่องทางสื่อสารต่าง ๆ มีหลากหลายขึ้น ทำให้การละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลทำได้ง่ายขึ้น และหลายครั้งก็นำมาซึ่งความเดือดร้อนรำคาญหรือสร้างความเสียหายให้แก่เจ้าของข้อมูล ตลอดจนสามารถส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้ด้วย จึงต้องมีกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ กลไก หรือมาตรการกำกับดูแลเกี่ยวกับการให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่รวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลขึ้น (ธนาคารไทยพาณิชย์, 2563)
ข้อมูลส่วนบุคคล คืออะไร มีอะไรบ้าง
ภาพโดย stories จาก freepik.com
ข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) คือ ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม แต่จะไม่นับรวมข้อมูลของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว
ข้อมูลส่วนบุคคลมอะไรบ้าง
- ข้อมูลที่แสดงถึงความเป็นตัวตน ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล หรือชื่อเล่น เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เลขบัตรประกันสังคม เลขใบอนุญาตขับขี่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต (การเก็บเป็นภาพสำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาบัตรอื่น ๆ ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลที่กล่าวมาย่อมสามารถใช้ระบุตัวบุคคลได้โดยตัวมันเอง จึงถือเป็นข้อมูลส่วนบุคคล)
- ข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ (location) ที่อยู่ อีเมล เลขโทรศัพท์ ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP address MAC address
- ข้อมูลทางชีวมิติ (Biometric) เช่น รูปภาพใบหน้า ลายนิ้วมือ ฟิล์มเอกซเรย์ DNA ข้อมูลสแกนม่านตา ข้อมูลอัตลักษณ์ เสียง ข้อมูลพันธุกรรม
- ข้อมูลระบุทรัพย์สินของบุคคล เช่น ทะเบียนรถยนต์ โฉนดที่ดิน รวมถึงข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงไปยังข้อมูลข้างต้นได้ เช่น วันเกิดและสถานที่เกิด เชื้อชาติ สัญชาติ น้ำหนัก ส่วนสูง
- ข้อมูลการแพทย์ ข้อมูลการศึกษา ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลการจ้างงาน
- ข้อมูลหมายเลขอ้างอิงที่เก็บไว้ในไมโครฟิล์ม แม้ไม่สามารถระบุไปถึงตัวบุคคลได้ แต่หากใช้ร่วมกับระบบดัชนีข้อมูลอีกระบบหนึ่งก็จะสามารถระบุไปถึงตัวบุคคลได้
- ข้อมูลการประเมินผลการทำงานหรือความเห็นของนายจ้างต่อการทำงานของลูกจ้าง
- ข้อมูลบันทึกต่าง ๆ ที่ใช้ติดตามตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ของบุคคล เช่น log file หรือ ข้อมูลที่สามารถใช้ในการค้นหาข้อมูลส่วนบุคคลอื่นในอินเทอร์เน็ต
ใครบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ในกฎหมาย PDPA มี 3 ประเภท ได้แก่
- เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject) คือ บุคคลที่ข้อมูลสามารถระบุไปถึงได้
- ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller) คือ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจ เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (Data Processor) คือ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับ การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject Right)
- สิทธิได้รับการแจ้งให้ทราบ (Right to be informed)
- สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (Right of access)
- สิทธิในการขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคล (Right to data portability)
- สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (Right to object)
- สิทธิขอให้ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคล (Right to erasure / Right to be forgotten)
- สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (Right to restrict processing)
- สิทธิในการขอให้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล (Right of rectification)
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล จะสามารถรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล ได้เมื่อใด?
การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล จะชอบด้วยกฎหมาย เมื่อทำตามหลักการหลักการใดต่อไปนี้
- ได้รับความยิมยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- การขอความยิมยอมต้องทำโดยชัดแจ้งเป็นหนังสือหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
- ต้องแจ้งความประสงค์ในการรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล
- มีแบบหรือข้อความที่เข้าถึงได้ง่ายและเข้าใจได้ ไม่เป็นการหลอกลวง
- หากข้อมูลส่วนบุคคลไม่จำเป็นต่อการเข้าทำสัญญาหรือการให้บริการ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีอิสระที่จะให้ความยินยอม
- เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของของมูลส่วนบุคคล
- จัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาวิจัยหรือการจัดทำสถิติ
- เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
- จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญากับเจ้าของข้อมูล เช่น การซื้อขายของออนไลน์ ต้องใช้ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล
- จำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ และการปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ
- จำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น ส่งข้อมูลพนักงานให้กรมสรรพากรเรื่องภาษี เป็นต้น
บทลงโทษการละเมิดสิทธิข้อมูลส่วนบุคคล
การที่บุคคลอื่นที่ไม่ใช่รัฐ นำข้อมูลเราไปใช้ประโยชน์นอกเหนือจากเหตุจำเป็น ถือเป็นการละเมิดสิทธิตามกฎหมายและมีบทลงโทษดังนี้
- ความรับผิดทางแพ่ง ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง และอาจต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้นอีก โดยสูงสุดไม่เกิน 2 เท่าของค่าเสียหายที่แท้จริง
- โทษทางอาญา จำคุกสูงสุดไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- โทษทางปกครอง ปรับสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท
ในฐานะเจ้าของข้อมูลมีสิทธิ์ที่จะปกป้องข้อมูลทุกครั้งที่จะต้องให้ข้อมูลในรูปแบบเอกสาร เสียงและสื่ออื่นที่แสดงถึงตัวตน ต้องทำข้อตกลงกำหนดขอบเขตของการใช้ข้อมูล และระยะเวลาสิ้นสุดการใช้ข้อมูลของตนในการทำนิติกรรมต่าง ๆ และเตือนสติตนเองไม่ให้ละเมิดสิทธิข้อมูลของบุคคลอื่นอีกเช่นกัน
เรียบเรียง :
ธนวัฒน์ นามเมือง ครูผู้ช่วย สถาบัน กศน.ภาคเหนือ
อ้างอิง :
ธนาคารไทยพาณิชย์. (2563). PDPA พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่องใกล้ตัวเรากว่าที่คิด. สืบค้นจาก https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/tips-for-you/pdpa-about-us.htmlพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562. (2562, 24 พฤษภาคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 136. ตอนที่ 69 ก. หน้า 52-95
สุนทรีย์ ส่งเสริม. (2564). พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 [สไลด์ประกอบการบรรยาย]. สืบค้นจาก https://www.bot.or.th/Thai/PaymentSystems/PSA_Oversight/20210224%20%20PDPA%20%20Nonbank/พร้อมรู้%20PDPA_ดร.สุนทรีย์_24ก.พ.64.pdf
สำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม. สาระสำคัญ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พศ 2562 [แผ่นพับ]. สืบค้นจาก https://www.mdes.go.th/law/detail/3822-แผ่นพับสาระสำคัญพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒.pdf
Sawangpong. (2564, 24 พฤษภาคม). PDPA คืออะไร เกี่ยวข้องกับเราทุกคนอย่างไร. สืบค้นจาก
https://t-reg.co/blog/t-reg-knowledge/what-is-pdpa/