แนวคิดพื้นฐานของเกษตรธรรมชาติ MOA

ดินเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเพาะปลูกพืช ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ เรียกว่า ดินมีชีวิต สามารถเพาะปลูกพืชให้ได้ผลผลิตสูง มีคุณภาพดี แนวทางการทำเกษตรธรรมชาติที่ให้ความสำคัญกับดินแนวทางหนึ่ง คือ เกษตรธรรมชาติ MOA เรามาทำความรู้จักว่า “เกษตรธรรมชาติ MOA คืออะไร”

MOA ย่อมาจากคำว่า Mokichi Okada Association เริ่มต้นจาก โมกิจิ โอกาดะ (พ.ศ. 2425 - 2498) ชาวญี่ปุ่นเป็นผู้ริเริ่มในการทำเกษตรธรรมชาติ MOA เนื่องจากในทุก ๆ ปี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น เกษตรกรจะประสบภัยหนาวอย่างรุนแรง โอกะดะจึงได้บุกเบิกที่ดินเพื่อทำการเพาะปลูก โดยใช้สารเคมี ซึ่งปรากฏว่า ได้ผลผลิตไม่ดีเท่าที่ควร และเป็นการทำลายโครงสร้างของดิน รวมทั้งสัตว์ แมลง และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในดิน โอกะดะจึงได้หันมาอาศัยหลักของธรรมชาติในการปลูกพืช โดยทำการปลูกพืชในท้องถิ่นที่มีความเหมาะสมกับดินและฤดูกาล ทำการเพิ่มศักยภาพของดิน นำวัสดุในท้องถิ่นมาหมุนเวียนใช้ในการเพาะปลูก ไม่ใช้สารเคมี ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพสูง และช่วยรักษาสภาพดิน น้ำ อากาศ และสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ส่งผลให้ผู้ผลิตและผู้บริโภคในท้องถิ่นมีสุขภาพดี แนวคิดนี้ได้แพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวาง โอกะดะจึงได้จัดตั้งมูลนิธิ MOA เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ และเป็นที่มาของหลักการเกษตรธรรมชาติ MOA ของโมกิจิ โอกาดะ คือ การทำให้ความสมดุลและวิวัฒนาการของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตมีความถาวร ด้วยการอนุรักษ์ระบบนิเวศที่สอดคล้องกับธรรมชาติและให้ความสำคัญต่อดินเป็นพื้นฐาน 

โมกิจิ โอกาดะ
ภาพจาก https://ikebanasangetsu.net/founder.html

โมกิจิ โอกาดะกล่าวไว้ว่า

"ตัวธรรมชาติเองซึ่งบริสุทธิ์และไม่มีการแต่งเติมนั่นแหละ คือ สัจธรรม ฉะนั้นไม่ว่าจะกระทำการใดก็ตามมนุษย์ควรยึดธรรมชาติเป็นหลัก การเรียนรู้จากธรรมชาติเป็นเงื่อนไขสูงสุดแห่งความสำเร็จ"

"พลังที่เป็นหลักสำคัญในการเจริญเติบโตของพืชนั้นมาจากธาตุดิน โดยมีพลังของธาตุนํ้าและธาตุไฟเป็นส่วนเสริม เนื่องจากการเจริญเติบโตของพืชขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของดินซึ่งเป็นพลังหลักที่สำคัญ ดังนั้น   เงื่อนไขที่สำคัญที่สุดของการเพาะปลูกจึงอยู่ที่ต้องปรับปรุงดินให้มีคุณภาพดี ทั้งนี้เพราะดินยิ่งดีก็จะยิ่งได้ผลส่วนวิธีการปรับปรุงดินก็คือ การเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้ดิน ซึ่งทำ ได้โดยการทำ ให้มีความสะอาดและบริสุทธิ์ เพราะว่าดินยิ่งบริสุทธิ์ก็จะยิ่งทำ ให้พลังการเจริญเติบโตของพืชดีขึ้น"

"หลักการของเกษตรธรรมชาติ คือการนำพลังอันสูงส่งตามธรรมชาติของดินมาใช้ประโยชน์ ถ้าหยิบใบไม้แห้งขึ้นมาหนึ่งใบ ก็จะทราบถึงวัฎจักรแห่งชีวิตได้อย่างดี"

จากคำกล่าวข้างต้น เกษตรธรรมชาติ MOA จึงหมายถึง การทำเกษตรกรรมที่กระบวนการผลิตมีความปลอดภัยต่อชีวิตมนุษย์ ไม่ใช้สารเคมี เพื่อรักษาสุขภาพของผู้ผลิตและผู้บริโภค มุ่งที่จะผลิตผลผลิตทางการเกษตรที่มีอยู่ในท้องถิ่นตามฤดูกาล โดยให้ความสำคัญกับดินเป็นลำดับแรก เพราะพืชที่ปลูกอยู่บนดินที่ดีมีความอุดมสมบูรณ์ จะเติบโตแข็งแรงสามารถต้านทานการทำลายของโรคและแมลงศัตรูพืช ส่งผลให้ได้ผลผลิตที่ดีได้ จากความสำคัญดังกล่าว เกษตรธรรมชาติ MOA จึงได้มีหลักการเพื่อนำไปสู่กระบวนการปฏิบัติได้ต่อไป

หลักการของเกษตรธรรมชาติ MOA
เกษตรธรมชาติ MOA เป็นหลักการที่เลียนแบบธรรมชาติสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมือนธรรมชาติและให้ความสำคัญกับดินเป็นหลัก โดยคำนึงถึง พืชและแมลง ไปพร้อม ๆ กัน ดังนี้

1. ดิน : การปรับปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์โดยปุ๋ยจากพืช
การปรับปรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ เกษตรธรรมชาติ MOA จะใช้ปุ๋ยจากใบไม้ในการปรับปรุงดิน ทั้งปุ๋ยพืชสดและปุ๋ยหมักจากใบไม้ เนื่องจากการใช้ปุ๋ยจากมูลสัตว์เป็นที่มาของโรคและแมลง โดยเรียนรู้จากดินในป่าที่มีใบไม้ทับถมกองรวมกันเป็นปุ๋ยจากธรรมชาติ นอกจากนี้ การคลุมดิน มีประโยชน์หลายประการคือ ช่วยป้องกันการชะล้างของหน้าดินและรักษาความชุ่มชื้นของดิน เป็นการอนุรักษ์ดินและน้ำ

ปอเทือง และ โสนแอฟริกัน พืชที่ใช้เป็นปุ๋ยพืชสดโดยการปลูกแล้วไถกลบ

ปอเทือง
าพจาก : http://oknation.nationtv.tv/blog/countrygirl/2015/03/10/entry-1

โสนแอฟริกัน 
ภาพจาก : http://www.thaifarmer.net/2019/06/green-manure.html

การทำปุ๋ยหมักใบไม้
ภาพโดย กฤษณะ เจริญอรุณวัฒนา

การคลุมดินในแปลงปลูกพืชผัก
ภาพโดย กฤษณะ เจริญอรุณวัฒนา

2. พืช : การปลูกพืชหลากหลายชนิด 
การปลูกพืชหลากหลายชนิดได้แก่ การปลูกหมุนเวียนและการปลูกพืชแซม จะทำให้การใช้ธาตุอาหารมีทั้งที่ถูกใช้และสะสมสลับกันไป ทำให้ดินไม่ขาดธาตุอาหารธาตุใดธาตุหนึ่งและช่วยลดการระบาดของโรคและแมลงศัตรูพืชได้ นอกจากนี้ ยังทำให้มีความหลากหลายทางชีวภาพเป็นแหล่งอาหารของแมลง จึงมีแมลงหลากหลายชนิดมาอาศัยอยู่ร่วมกัน ซึ่งมีทั้งแมลงที่เป็นศัตรูพืชและแมลงที่เป็นศัตรูธรรมชาติ ที่จะช่วยควบคุมแมลงศัตรูพืชไม่ให้ทำลายพืชได้

3. แมลง : การอนุรักษ์แมลงที่มีประโยชน์ 
แมลงที่มีประโยชน์ ได้แก่ 
ตัวห้ำ (predators insects) เป็นสิ่งมีชีวิตที่ดำรงชีวิตโดยการกินแมลงศัตรูพืชเป็นอาหารเพื่อการเจริญเติบโตจนครบวงจรชีวิต เช่น ด้วงเต่า มวนเพชฌฆาต เป็นต้น 
ตัวเบียน (parasites insects) คือ แมลงที่อาศัยแมลงศัตรูพืชเพื่อการดำรงชีวิตและการสืบพันธุ์ มีมากขึ้นในพื้นที่บริเวณนั้น เช่น แตนเบียน 
ซึ่งแมลงศัตรูธรรมชาติเหล่านี้จะช่วยควบคุมแมลงศัตรูพืชได้ วิธีการอนุรักษ์แมลงที่มีประโยชน์เหล่านั้น โดยการงดเว้นการใช้สารเคมีในการปลูกพืช และการปลูกดอกไม้สีสด ๆ เช่น ดอกบานชื่น ดอกทานตะวัน ดอกบานไม่รู้โรย ดอกดาวเรืองและดอกดาวกระจาย เป็นต้น โดยปลูกไว้รอบแปลงปลูกเพาะหรือปลูกแซมลงในแปลงเพาะปลูกสีของดอกไม้ช่วยดึงดูดแมลงนานาชนิด รวมทั้งแมลงศัตรูธรรมชาติด้วย ซึ่งจะช่วยควบคุมแมลงศัตรูพืช ทำให้พืชผักถูกทำลายน้อยลง

ภาพจาก : https://www.kasetkawna.com/article/265/การกำจัดแมลงศัตรูพืชโดยชีววิธี-แมลงตัวห้ำ

ภาพจาก : http://www1a.biotec.or.th/BRT/index.php/2009-06-23-04-00-07/126-hornet-fly

จึงสรุปได้ว่า หลักการสำคัญของเกษตรธรรมชาติ MOA คือ การให้ความสำคัญกับดินเป็นหลัก ทำให้ดินมีศักยภาพสูงสุด สร้างสภาพแวดล้อมให้เหมือนธรรมชาติโดย การปรับปรุงดิน การปลูกพืชหมุนเวียน และการอนุรักษ์แมลงที่มีประโยชน์ ซึ่งหลักการนี้สามารถนำไปเพาะปลูกพันธ์พืชได้อย่างหลากหลาย


เรียบเรียงโดย : 
ยุรัยยา อินทรวิจิตร ครูชำนาญการพิเศษ สถาบัน กศน.ภาคเหนือ

อ้างอิง :
ทิพวรรณ สิทธิรังสรรค์. (2543). การปลูกพืชโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ. KU Electronic Magazine, 1(5) สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 2564 จาก http://khamsakaesaeng.khorat.doae.go.th/Links_Data/Data_Left/pru.htm

ยุรัยยา อินทรวิจิตร. (2562). เกษตรธรรมชาติ MOA. สืบค้นจาก https://sites.google.com/dei.ac.th/op331130lp/